วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประวัติผู้แต่ง




สังข์ทอง ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีลักษณะของละครนอก มีตัวละครที่เป็นรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์ กับนางรจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยม จึงมีการนำเนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่ บทพระสังข์ได้นางรจนา เพื่อนำมาประยุกต์เป็นการแสดงชุด รจนาเสี่ยงพวงมาลัย  สังข์ทองเป็นเรื่องที่ได้มาจากสุวัณสังขชาดก เป็นหนึ่งใน ชาดกพุทธประวัติ เป็นนิทานพื้นบ้านในภาคเหนือและภาคใต้โดยที่สถานที่ที่กล่าวถึงเนื้อเรื่องในสังข์ทอง กล่าวคือเล่ากันว่า
เมืองทุ่งยั้งเป็นเมืองท้าวสามล อยู่ในบริเวณใกล้วัดมหาธาตุเนื่องจากมีลานหินเป็นสนามตีคลีของพระสังข์ในภาคใต้ เชื่อว่าเมืองตะกั่วป่าเป็นเมืองท้าวสามล มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า เขาขมังม้าเนื่องจากเมื่อพระสังข์ตีคลีชนะได้ขี่ม้าข้ามภูเขานั้นไป

คุณค่าจากเรื่อง สังข์ทอง ตอน กำเนิดพระสังข์



 คุณค่าด้าววรรณศิลป์

            
          บทละครนอก มิใช่บทสำหรับแสดงละครเพียงอย่างเดียว แต่ใช้เป็นวรรณคดีสำหรับอ่านด้วย โดยมีความสำคัญควบคู่กันไป เพราะในการอ่านบทละครนั้น ผู้อ่านจะอ่านเนื้อเรื่องโดยตลอด ส่วนในการแสดงก็คงจะนิยมนำมาแสดงเป็นตอนๆ ไม่ได้แสดงที่เดียว จบทั้งเรื่อง เช่น เรื่องสังข์ทองก็นิยมแสดงตอนนางมณฑาลงกระท่อมมากกว่าตอนอื่นๆ เป็นต้น
          ผู้ดูละครต้องการความบันเทิงและการผ่อนคลายอารมณ์จากความตึงเครียด  ต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้จากการดูละคร ซึ่งก็เป็นความจริงของชีวิตที่แฝงอยู่ในบทละครนั้น ละครจึงมีส่วนช่วยและมีบทบาทในการดำเนินชีวิตของมนุษย์อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยก่อนที่คนไทยส่วนใหญ่อ่านหนังสือไม่ออก และมีมหรสพให้ชมอยู่ไม่กี่ชนิด
       

คุณค่าด้านสังคม    

. ค่านิยมในสังคม วัฒนธรรม และแนวทางการดำเนินชีวิต  โดยต้องการปลูกฝังทัศนคติลงไปในจิตใจของคนไทย เช่น ทัศนคติเกี่ยวกับความซื่อสัตย์จงรักภักดีของผู้หญิงที่มีต่อสามี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ บทบาทของนางจันท์เทวีและนางรจนา เช่น นางรจนาคร่ำครวญตอนท้าวสามนต์ให้หาปลาถวาย
. การรักพวกพ้อง รักชาติบ้านเมือง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ  พฤติการณ์ของหกเขย และการตีคลีพนันกับพระอินทร์ เช่น ตอนนางมณฑาขอร้องให้เจ้าเงาะช่วย
. การทำความดี มีตัวอย่างปรากฏตลอดทั้งเรื่อง เช่น การที่ท้าวภุชงค์และนางพันธุรัตรับเลี้ยงดูพระสังข์ ตายายช่วยเหลือนางจันท์เทวีนายประตูเมืองสามนต์ช่วยเหลือท้าวยศวิมล เป็นต้น

ข้อคิดจากเรื่องสังข์ทอง ตอนกำเนิดพระสังข์



. การแสดงความรักของแม่ที่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แม่ก็ยังรักลูกเสมอ

.  ความกตัญญูของพระสังข์ ที่คอยช่วยเหลืองานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่


. ความพยายามของนางจันเทวี ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคแม้จะต้องลำบาก 

รูปแบบคำประพันธ์



๑. เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี ๔ วรรค วรรคละ ๖ คำ หนึ่งบทมี ๒ บาท เรียกว่าบาทเอก และบาทโท ๑ บาท เท่ากับ ๑ คำกลอน   มีลักษณะการสัมผัสดังนี้



สัมผัสระหว่างวรรคไม่บังคับตายตัว ให้สังเกตจากแผนผัง วรรคที่ ๑ อาจจะสัมผัสกับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งตามเส้นสัมผัสในวรรคที่ ๒ 
    
๒. คำขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคำขึ้นต้นหลายแบบ และคำขึ้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีจำนวน เท่ากับวรรคสดับ อาจจะมีเพียง ๒ คำก็ได้ คำขึ้นต้นมีดังนี้



            ๒.๑ มาจะกล่าวบทไป มักใช้เมื่อขึ้นต้นเรื่อง หรือกล่าวถึงเรื่องแทรกเข้ามา 
            ๒.๒ เมื่อนั้น ใช้สำหรับผู้มียศสูง หรือผู้เป็นใหญ่ในที่นั้นตามเนื้อเรื่อง เช่นกษัตริย์ ราชวงศ์ 
            ๒.๓ บัดนั้น ใช้ขึ้นต้นสำหรับผู้น้อยลงมา เช่น เสนา ไพร่พล

เนื้อเรื่องย่อ


ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวี ข่าวล่วงรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยเอาไว้ และส่งให้ไปอยู่กับ นางพันธุรัต พระสังข์รู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนีมาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์ก่อนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจัดพิธีเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่รจนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้ สร้างความพิโรธให้ท้าวสามลจึงถึงกับขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแข่งกับเขยทั้งหก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียกเนื้อ เรียกปลามารวมกันทำให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลา ท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กับพระอินทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้ พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาน ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์ โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย ทำให้พระสังข์รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป